วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

เเยม สตรอเบอร์รี่

แยมสตรอเบอรื่...สูตรไม่ใส่เพคติน (Strawberry Jam without Pectin)

ช่วงนี้เห็นสตรอเบอรี่ถูกๆขายบ่อย แค่พาวด์ละเหรียญเอง เลยคิดที่จะทำแยมเองมานานละแต่ติดที่ไม่แน่ใจว่าไม่ใช้เพคตินแล้วจะเวิร์คมั้ย จนในที่สุดก็ได้ลงมือทำซะทีเพราะซื้อสตรอเบอรี่มาแล้วทานยังไม่หมดเหลืออีกแพคในตู้เย็น แถมหน้าตามันเริ่มดูไม่ค่อยจะน่ากินแบบสดๆเท่าไหร่ละเพราะเก็บมาสี่ห้าวันละ จะเก็บแช่ช่องแข็งไว้ปั่นกินก็เบื่อละ อย่ากระนั้นเลยเอามาลองหัดทำแยมดีฝ่า

ทำเสร็จพอได้ชิม โอ้ว....อร่อยมาก ขนาดทำครั้งแรกนะเนี่ย แบบไม่เคยคิดเลยว่าจะทำแยมสตรอเบอรี่เองได้ ง่ายมากๆด้วย ทำจากส่วนผสมแค่ 3 อย่างเอง แถมไม่ต้องใส่สารเพคตินด้วย (อิอิ จริงๆคือแอบงกนิดหน่อย เพราะราคาเพคตินก็ไม่ได้ถูกมากและไม่รู้จะซื้อมาเก็บไว้ทำไมเพราะคิดว่าคงไม่ได้ใช้ทำอะไรนอกจากทำแยม และถ้าทำไม่สำเร็จอีกเนี่ย คงเสียของเพราะจะทำครั้งเดียวแล้วคงไม่ทำอีกเลย)  เนื่องจากทำแล้วถูกใจมาก เลยต้องเขียนสูตรเก็บไว้ซะหน่อย \^o^/

แยมสตรอเบอรี่ ตักใส่ขนมปังมันสำปะหลังแดง(red potato bread)ที่ทำเองแบบเต็มๆคำ ฟินสุดๆ ณ จุดเน้ ^___^

ส่วนรสชาติของแยมสตรอเบอรี่ที่ทำเองเนี่ย มันจะหวานและเปรี้ยวพอดีๆที่ตัวเองชอบค่ะ เพราะใส่น้ำตาลน้อยกว่าที่สูตรของฝรั่งที่หาได้จากกูเกิ้ลมากพอสมควร และเวลาทานจะรู้สึกได้ถึงความสดของแยม  แต่การใส่น้ำตาลน้อยเนี่ยจากที่อ่านๆมาอาจมีผลเสียคือ เก็บไม่ได้นานเท่าแบบใส่น้ำตาลมากค่ะ  ซึ่งตอนที่ทำเนี่ย ก็กังวลอยู่ว่าจะเก็บได้นานเท่าไรเพราะตอนบรรจุก็ไม่ได้ทำการพาสเจอร์ไรส์ขวดอะไรทั้งสิ้นเลยค่ะ  แต่เอาเข้าจริงสรุปกินหมดภายในสามวันกว่าๆ ช่วยกันสองคนหมดเกลี้ยงไม่เหลือซากเลย ฮาฮาฮ่า เลยไม่สามารถบอกได้ว่าเก็บไว้ได้นานเท่าไรก่อนจะเสีย เวลากินกันนี่ก็ปาดกันเต็มที่เพราะมันรสชาติไม่หวานม๊ากมากจนเลี่ยนเหมือนแยมขวดที่ซื้อมาค่ะ
อ้อ.....เข้าใจละสงสัยที่เค้าว่าเก็บได้ไม่นาน เพราะกินกันหมดก่อนนี่เองมั้ง :D

พล่ามมามากละ มาดูส่วนผสมและวิธีทำคร่าวๆกันเลยค่ะ ส่วนใครจะเพิ่มลดปริมาณความหวาน ความเปรี้ยวยังงัย ทำได้ตามความชอบเลยนะคะ สูตรไม่ตายตัวค่ะ

ส่วนผสม (Ingredients):
  1. สตรอเบอรี่ 1 package (1 ปอนด์/package)
  2. น้ำตาลทราย 1/2 - 3/4 ถ้วย (จากสูตรที่หาจากกูเกิ้ล เค้าจะใส่ประมาณ 2 ถ้วยค่ะ) -ที่ไม่ได้ใส่น้ำตาลน้อยกว่านี้เพราะว่า กลัวว่ามันจะออกมาเหลวไม่จับตัวเป็นเนื้อแบบแยมค่ะ และก็จะคล้ายทำสตรอเบอรี่ไซรัปที่ไว้ทานกับแพนเค้กแทน  แต่ถ้าใครจะลองใส่น้อยกว่านี้ก็ลองดูได้เลยค่ะ
  3. เลมอน 1 ลูก (ใครหาไม่ได้ก็ใช้มะนาว แทนได้ค่ะ)
วิธีทำ:
- บดสตรอเบอรี่ในเครื่องปั่น หรือ ถ้าต้องการให้มีเนื้อเป็นชิ้นๆอยู่ด้วย ก็ให้แบ่งส่วนหนึ่งมาปั่น อีกส่วนหั่นเป็นชิ้น
- ใส่ส่วนผสมทุกอย่างรวมกันในกระทะเทปลอนขึ้นตั้งไฟกลางค่อนข้างแรง คอยกวนอย่าให้ไหม้ค่ะ 
ที่สำคัญคืออย่าใช้ไฟอ่อนมากนะคะ เพราะอ่านเจอมาเพคตินในผลไม้ที่ทำให้ข้นเหนียวแบบแยมจะเกิดขึ้นเองต่อเมื่อใช้ไฟค่อนข้างแรงค่ะ

ตามสูตรที่ได้มาเค้าให้ปั่นเลยแต่แรก แต่ด้วยความขยันจัดไม่อยากใช้เครื่องปั่นเลยหั่นเป็นชิ้นเอา กะว่าจะบี้ในกระทะเอาทีหลัง ปรากฏเอาขึ้นเตาทำได้สักพัก ส่วนผสมยังเป็นน้ำยังไม่ยอมข้น เนื้อยังเป็นชิ้นๆ ณ จุดนั้น กลัวว่ามันจะไม่เป็นแยมเลยจัดการตักเนื้อบางส่วนเอาไปปั่น (ในที่สุดก็ต้องใช้เครื่องปั่น หุหุ) แล้วเทกลับลงในกระทะใหม่ก็ได้อย่างในภาพค่ะ เริ่มมีความหวังละ อิอิ


- คนส่วนผสมจนได้ความเข้มข้นที่ต้องการ น่าจะประมาณ 20-30 นาทีค่ะ เสร็จแล้วยกลงจากเตาเตรียมหม่ำได้เลย
ปล.: ตอนหลังๆถ้าเริ่มข้นมากหน่อยแล้ว แบบเนื้อดูว่าเพคตินธรรมชาติของสตรอเบอรี่ออกมาแล้ว จะลดความร้อนลงก็ได้นะคะ จะได้ไม่ไหม้ง่าย กวนจนได้ความหนืดแบบที่ต้องการก็เสร็จแล้วจ้า ที่ทำก็คนประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงค่ะ  เพราะทำครั้งแรกไม่กล้าเปิดไฟกลางแรงตั้งแต่แรก (ปล. ครั้งที่สองทำดูใหม่ ใช้เวลาแค่ 20 นาทีค่ะ) ทำง่ายแต่เสียเวลานิ้ดส์นึง แต่คุ้มกับความอร่อยและแน่ใจได้ว่าปลอดภัยเพราะไม่มีสารกันเสียหรือสารเคมีอื่นๆเจือปนเหมือนที่ซื้อเค้าทาน


 ตักขึ้นมาใส่ถ้วยแก้ว pyrex มีฝาปิดเตรียมเก็บ


ลองปาดแยมบนขนมปัง เห็นส่วนที่เป็นเนื้อสตรอเบอรี่เป็นชิ้นๆอยู่ด้วย ลองชิมดู ว้าว...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำแยมเองได้ ลองทำกันดูนะคะเพื่อนๆ 



ที่มา http://cookingformytummy.blogspot.com/2013/04/strawberry-jam-without-pectin.html

สูตร สตรอเบอร์รี่โซดา

                      สูตรสตอเบอรี่โซดา


p4อากาศร้อน ๆ เหมือนอย่างทุกวันนี้ ได้เครื่องดื่มมาดับกระหาย คลายร้อน ก็คงดี วันนี้ทางร้านของเราขอนำเสนอเครื่องดื่มไร้ซึ่งคาเฟอีน
อิตาเลี่ยนโซดา เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ซ่าบซ่าส์ สามารถทำให้ดับกระหายคลายร้อน ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนจ้า เวลากลางวันแบบนี้ดีทีเดียว ว่าแล้ววันนี้เราจะให้สูตรทำเครื่องดื่มอิตาเลี่ยนโซดา สำหรับทำกันกันที่บ้านแบบเต็มอิ่ม กินได้ตลอดวันเลยทีเดียว
สูตรสตอเบอรี่โซดา  (สูตรนี้ขายดีมากคะ)
08-08-2554 21-25-04
ส่วนผสม
1.สตอเบอรี่ไซรัป (หาซื้อได้ตามร้านขายสินค้าเบเกอรี่ เครื่องดื่ม หรือแมคโครทั่วไป )   30 ml.
2. โซดาแช่เย็น 6 ออนซ์
3.น้ำแข็ง 1 แก้ว
วิธีการทำ
1.ตวงสตอเบอรี่ไซรัป
2.เติมน้ำแข็งลงในแก้ว 16 ออนซ์ ให้เต็มแก้ว แล้วเทน้ำสตอเบอรี่ไซรัปลงในแก้วน้ำแข็ง
3.เติมโซดา 6 ออนซ์ ตามลงไป
** แค่นี้ก็ได้อิตาเลี่ยนโซดาสดชื่น ซ่าบซ่าส์ไว้ดื่มที่บ้านแล้วคะ ส่วนตัวสตอเบอรี่ไซรัปที่ชอบ คือ Mota dolce’ สตรอเบอรี่ อร่อยคะ เข้มข้น 
ที่มา http://www.opensource-coffee.com/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%A1/%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B8%94%E0%B8%B2/

สตรอเบอร์รี่ปั่น สมูตตี้


              ปั่น ปั่น ดับร้อน ด้วยสตรอเบอร์รี่ สมูตตี้



สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้


เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณลูกหมูหวาน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


          "อากาศร้อนอบอ้าว อย่างนี้ ถ้าหาอะไรมาดื่มให้สดชื่นสักหน่อยก็คงจะดีสิ"

          คิดอย่างนี้กันอยู่ใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้น วันนี้ กระปุกดอทคอม ขออาสาดับกระหายคลายร้อนให้เพื่อน ๆ ด้วยเมนู"สตรอเบอร์รี่ สมูตตี้" ที่ คุณลูกหมูหวาน คุณลูกหมูหวาน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมได้แนะนำไว้ ไหน...เรามาดูกันซิว่า หน้าตาของเจ้า "สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้" จะหวานสมชื่อขนาดไหน

 ส่วนผสม


สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้

           นมสดจืด     60     มิลลิลิตร

           โยเกิร์ตรสธรรมชาติ     1    ถ้วย

           น้ำเชื่อม     30     มิลลิลิตร ( วิธีต้มน้ำเชื่อมคือ น้ำ 1 ลิตร ต่อ น้ำตาลทรายแดง 1 กก. )

           สตรอเบอร์รี่ ( มากน้อยแล้วแต่สะดวกค่ะ ปกติใส่ 10 ลูก หาสด ๆ ไม่ได้ ก็เอามันแบบแช่แข็งนี่แหละ หรือจะใส่ราพ์สเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหลายด้วยก็ได้นะคะ แล้วแต่สะดวก )

           น้ำซอสสตรอเบอร์รี่     1/2     ออนซ์( จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)

           น้ำแข็ง     2     แก้ว ( ก้อนเล็ก หรือน้ำแข็งเกล็ดก็ได้ ถ้าเป็นก้อนใหญ่อาจทำให้เครื่องปั่นเสียเร็ว เพราะอาจต้องตบตีกับมันรุนแรงพอควร)

          ที่สำคัญ อุปกรณ์ที่ลืมไม่ได้ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ จะเป็นยี่ห้อใดก็ได้ค่ะ เตรียมส่วนผสมพร้อมแล้วก็เริ่มลงมือปั่นกันเลย

 วิธีทำ

          1.นำส่วนผสมทั้งหมดใส่รวมกันลงไปในเครื่องปั่นเลยค่ะ จะใส่อะไรก่อน อะไรหลังก็ตามสบาย เพราะเดี๋ยวก็นำไปปั่นรวมกันอยู่ดี

สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้

สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้

สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้



          2.เมื่อใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่นแล้ว ทีนี้ก็จัดการปั่นให้ละเอียดเลยค่ะ

สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้


          3.เมื่อปั่นละเอียดจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็เทใส่แก้วตามใจชอบ

สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้

          4.ประดับตกแต่งด้วยผลสตรอเบอร์รี่สักลูก สองลูก

สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้


          5.แค่นี้ก็เสร็จแล้วค่ะ ได้ "สตรอเบอร์รี่ สมูตตี้" สมใจแล้ว

สตรอเบอร์รี่ สมู้ตตี้

           อิอิ... แค่เห็นรูปเจ้า "สตรอเบอร์รี่ สมูตตี้" แก้วนี้แล้ว ก็รู้สึกเย็นชื่นใจขึ้นมาทันทีเลยว่าไหม ลองไปทำทานกันดูนะจ๊ะ

ที่มา http://cooking.kapook.com/view69152.html


สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน


สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน
สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Kitty1234_cm สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          สาว ๆ จ๋า มาทางนี่เลย เรามีสูตรชีสเค้กสูตรไม่ง้อชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน กินแล้วหุ่นไม่เละ ไม่ต้องเบิร์นออกมาฝาก รับรองอร่อยไม่แพ้แบบเดิม ๆ แน่นอน
          ถ้าพูดถึงขนมสุดโปรดในใจสาว ๆ คงต้องยกตำแหน่งให้กับขนมตระกูลชีสเค้ก เช่น สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก ที่นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยเกินจนยากที่จะวางช้อนลงได้แล้ว ยังเป็นขนมอันดับต้น ๆ ที่สาว ๆ มักจะทำเป็นของขวัญสุดเซอร์ไพร์สให้แฟนหรือเพื่อน ๆ  อีกด้วย ก็แหม ขนมชนิดนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องทำง่าย ๆ ไม่ต้องง้อเตาอบอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่รู้ ๆ กันแหละว่า กินชีสเค้กแค่ถ้วยเดียว แต่ต้องออกกำลังกายกันอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียวเพื่อจะเบิร์นเจ้าความอ้วนออกไป แต่ต่อไปนี้ไม่ต้องกินแล้วเบิร์นอีกแล้วจะ เพราะกระปุกดอทคอมมีสูตรชีสเค้กแบบไม้อ้วน ไม่ใส่ครีมชีสมาฝาก รับรองว่าต้องโดนใจสาว ๆ แน่

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน
          ซึ่งสูตรสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กและบลูเบอร์รีชีสเค้กแบบไม้ง้อชีสและไม่อ้วนสูตรนี้มาจาก คุณ Kitty1234_cm สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ดัดแปลงจากสูตรชีสเค้กทั่ว ๆ ไปให้กลายมาเป็นแบบฉบับของตัวเอง ไม่ใส่ครีมชีส ประหยัดต้นทุนไปได้หลายบาทเลยทีเดียว แถมยังกินแล้วไม่อ้วนด้วย วิธีทำก็ไม่ยาก ส่วนผสมก็ไม่เหมือนใคร แต่รับประกันความอร่อยแน่นอน

 ส่วนผสม

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน
ส่วนผสม

           แครกเกอร์ (ใช้ของอะไรก็ได้ที่มีตามสะดวก)

           เนยจืดหรือมาร์การีน 1/4 ก้อน

           โยเกิร์ตรสธรรมชาติชนิดไขมันต่ำ (Low Fat) 1 ถ้วย

           นมสดรสจืดหรือรสหวาน (ถ้าต้องการความหอมมันใช้เป็นนมข้นหวานก็ได้) 4-5 ช้อนโต๊ะ

           ไข่ไก่  1 ฟอง

           แป้งอเนกประสงค์ 5 ช้อนโต๊ะ

           น้ำมะนาว 2 ช้อนชา

           เกลือป่น ปลายช้อนชา

           ซอสสตรอว์เบอร์รี หรือแยมบลูเบอร์รี หรือซอสช็อกโกแลต ตามชอบ

           ผลไม้สด สำหรับแต่ง

 วิธีทำ

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

           บดแครกเกอร์พอหยาบ ทำหลุมตรงกลางเตรียมไว้ใส่เนยละลาย (ป้องกันไม่ให้แครกเกอร์ดูดเนยมากจนเกินไป จะทำให้แครกเกอร์ไม่กรอบ)

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

           ละลายเนยหรือมาร์การีน พักทิ้งไว้ให้เย็นลง จากนั้นเทลงในหลุมแครกเกอร์ คนผสมให้เข้ากัน

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

           นำส่วนผสมแครกเกอร์บดกันเนยใส่ลงในพิมพ์ปริมาณตามชอบ กดให้แน่น นำเข้าตู้เย็น เตรียมไว้

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

           ผสมโยเกิร์ตกับนม ไข่ไก่ และแป้งเข้าด้วยกันในกระทะหรือหม้อเทฟล่อน เพิ่มรสชาติด้วยเกลือป่นและน้ำมะนาว (ถ้ายังติดหวานนิด ๆ ก็ใส่นมข้นหวานเพิ่ม แต่เราขอบายเพราะต้องการให้ตัวชีสเค้กค่อนข้างตัดกับตัวแครกเกอร์และซอสสตรอว์เบอร์รีค่ะ จะได้กินได้เรื่อย ๆ ไม่หวานไม่เลี่ยนเกินไป)

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

           นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟอ่อน คนผสมให้เข้ากันจนเริ่มเหนียวข้น (เราก็จะได้ตัวชีสเค้กที่หนืด ๆ ไม่เหลวไม่เละ แถมรสชาติคล้ายครีมชีสอย่างไม่น่าเชื่อ) พักทิ้งไว้ให้ส่วนผสมเย็นตัวลง

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน
           ตักส่วนผสมครีมชีสใส่ลงในถ้วยแครกเกอร์บดที่เตรียมไว้ ปริมาณตามชอบ

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน

สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน


สตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก บลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรไร้ครีมชีส ไม่เลี่ยน ไม่หวาน และไม่อ้วน
           ราดซอสลงไปตามชอบ ตกแต่งด้วยผลไม้สดให้สวยงาม

          ว้าว ชีสเค้กแบบไม่อ้วนที่ว่านี้ก็น่าหม่ำน่ากินไม้แพ้แบบเดิม ๆ เลยนะเนี่ย แถมยังประหยัดงบอีกด้วย แบบนี้ต้องลองบ้างแล้ว 
ที่มา http://cooking.kapook.com/view105334.html